นายกฯโยนสภาฯตัดสินถอน-ไม่ถอนร่างกม.ปรองดอง บอกตัวเองแค่เสียงเดียว
ทำอะไรไม่ได้ แนะ พธม.เสนอความเห็นผ่านตัวแทนในสภาฯ
ชุมนุมในกรอบประชาธิปไตย วอนอย่าเพิ่งคาดการณ์รัฐบาลอาการหนักหลังเปิดสภาฯ
วันนี้ ( 24 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
(พธม.) ประกาศเตรียมเคลื่อนไหวชุมนุมใหญ่หลังเปิดสมัยประชุมสภาฯ
หากรัฐบาลไม่ถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติออก ว่า
การตัดสินใจเป็นเรื่องของสภาฯที่ต้องไปตกลงกัน ส่วนการชุมชนของ พธม.นั้น
คงต้องขอความร่วมมือให้ชุมนุมในขอบเขตกฎหมายและให้เป็นไปตามระบอบ
ประชาธิปไตย ซึ่งมีอีกแนวทางที่สามารถทำได้คือเสนอผ่านตัวแทนที่อยู่ในสภาฯ
เพื่อให้เข้าไปแสดงความคิดเห็นกัน ซึ่งเป็นกลไกที่ถูกต้อง ส่วนที่กลุ่ม
พธม.ได้ยื่นหนังสือต่อรัฐบาลด้วย เพราะมองว่าเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันร่าง
พ.ร.บ.ปรองดอง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีร่างกฎหมายของรัฐบาลเสนอเข้าไป
รัฐบาลเพียงผลักดันเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่าจุดยืนของรัฐบาลคิดว่าควรจะถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดองออกหรือให้คงไว้เช่นนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับสภาฯ เราคงไม่ไปล่วงเกิน แต่เราอยากเห็นจุดยืนของการ พูดคุยกัน และใช้กลไกที่เหมาะสม เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งวันนี้ก็เห็นแล้วว่ากลไกที่เป็นที่รวมของทุกส่วนคือสภาฯ จึงอยากให้สภาฯ ได้เปิดพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เพื่อให้หาทางออกให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ ทุกฝ่ายสามารถเสนอผ่านตัวแทนหรือกลไกของสภาฯเพื่อจะได้หารือและชี้แจงเหตุผล ซึ่งกันและกัน ถือเป็นสิ่งที่ตนอยากเห็น
เมื่อถามว่าเกรงหรือไม่ว่าจะเกิดความรุนแรงขึ้นมาอีก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงต้องขอความร่วมมือกัน ขณะเดียวกันก็ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลรักษาความปลอดภัย ทั้งนี้ต้องขอดูเหตุการณ์ก่อน แต่หวังว่าเราจะค่อย ๆ คุยกัน และลดความขัดแย้งซึ่งกันและกัน เพราะวันนี้เราไม่อยากให้ประเทศเจอกับปัญหาอุปสรรคตรงนี้ เนื่องจากเรามีปัญหาต่างๆ ที่ต้องแก้ไขจำนวนมาก รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจด้วย
เมื่อถามว่าในฐานะรัฐบาลหากเห็นว่าการคงร่างกฎหมายไว้ในสภาฯแล้วจะทำให้ เกิดความวุ่นวายขึ้นได้ จะสนับสนุนให้ถอนร่างออกไปก่อนหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ต้องให้เป็นมติของเสียงส่วนใหญ่ ตนมีเพียงหนึ่งเสียง ซึ่งตอนนี้ได้ผ่านขั้นตอนของรัฐบาลไปแล้ว แต่อะไรที่ทำให้บ้านเมืองสงบรัฐบาลยินดีสนับสนุน
นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงข้อเสนอของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ว่า ทุกอย่างยืนยันว่าเป็นเรื่องของสภาฯ จะแก้ไขเป็นรายมาตราหรือไม่ ก็ต้องไปคุยกันในสภาฯเอง เพราะมติต่าง ๆ ต้องมาจากเสียงโหวตของ ส.ส. รวมทั้งกรณีที่จะทำอย่างไรกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ค้างอยู่ในวาระ 3 ด้วย ขณะนี้หลายฝ่ายถามว่าจุดยืนของรัฐบาลจะเป็นอย่างไร ก็ต้องรอฟัง กลไกทั้งหมดต้องไปสรุปในสภาฯ ขณะเดียวกันก็ต้องรอฟังผลการวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญด้วย จากนั้นก็ต้องให้นักกฎหมาย และผู้ที่เกี่ยวข้องตีความให้ชัดเจนก่อน รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยถึงจะสามารถตัดสินใจและประกาศจุดยืนได้ ซึ่งต้องขอเวลาอีกนิดหนึ่ง
เมื่อถามว่าตอนนี้ถือว่าก้าวสู่ปีที่ 2 ของรัฐบาลแล้ว และกำลังจะมีการเปิดสภาฯ ซึ่งจะมีทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจ การชุมนุมของกลุ่มต่าง ๆ หนักใจหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “เราอย่าเพิ่งมองไปว่าอาการหนักขนาดนั้น ขอให้รอผลวินิจฉัยกลาง และรอฟังจุดยืนก่อน วันนี้ยังไม่ถึงกำหนดที่จะเปิดสภาฯ หากเราประมาณการณ์ไปก่อนล่วงหน้า ซึ่งบางครั้งเหตุการณ์อาจจะไม่เกิดขึ้นก็จะทำให้ประชาชนกังวลใจ ขอให้ค่อย ๆ ดูลำดับเหตุการณ์ แล้วค่อย ๆ พูดจากันดีกว่า”
เมื่อถามว่าจุดยืนของรัฐบาลคิดว่าควรจะถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดองออกหรือให้คงไว้เช่นนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับสภาฯ เราคงไม่ไปล่วงเกิน แต่เราอยากเห็นจุดยืนของการ พูดคุยกัน และใช้กลไกที่เหมาะสม เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งวันนี้ก็เห็นแล้วว่ากลไกที่เป็นที่รวมของทุกส่วนคือสภาฯ จึงอยากให้สภาฯ ได้เปิดพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เพื่อให้หาทางออกให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ ทุกฝ่ายสามารถเสนอผ่านตัวแทนหรือกลไกของสภาฯเพื่อจะได้หารือและชี้แจงเหตุผล ซึ่งกันและกัน ถือเป็นสิ่งที่ตนอยากเห็น
เมื่อถามว่าเกรงหรือไม่ว่าจะเกิดความรุนแรงขึ้นมาอีก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงต้องขอความร่วมมือกัน ขณะเดียวกันก็ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลรักษาความปลอดภัย ทั้งนี้ต้องขอดูเหตุการณ์ก่อน แต่หวังว่าเราจะค่อย ๆ คุยกัน และลดความขัดแย้งซึ่งกันและกัน เพราะวันนี้เราไม่อยากให้ประเทศเจอกับปัญหาอุปสรรคตรงนี้ เนื่องจากเรามีปัญหาต่างๆ ที่ต้องแก้ไขจำนวนมาก รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจด้วย
เมื่อถามว่าในฐานะรัฐบาลหากเห็นว่าการคงร่างกฎหมายไว้ในสภาฯแล้วจะทำให้ เกิดความวุ่นวายขึ้นได้ จะสนับสนุนให้ถอนร่างออกไปก่อนหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ต้องให้เป็นมติของเสียงส่วนใหญ่ ตนมีเพียงหนึ่งเสียง ซึ่งตอนนี้ได้ผ่านขั้นตอนของรัฐบาลไปแล้ว แต่อะไรที่ทำให้บ้านเมืองสงบรัฐบาลยินดีสนับสนุน
นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงข้อเสนอของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ว่า ทุกอย่างยืนยันว่าเป็นเรื่องของสภาฯ จะแก้ไขเป็นรายมาตราหรือไม่ ก็ต้องไปคุยกันในสภาฯเอง เพราะมติต่าง ๆ ต้องมาจากเสียงโหวตของ ส.ส. รวมทั้งกรณีที่จะทำอย่างไรกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ค้างอยู่ในวาระ 3 ด้วย ขณะนี้หลายฝ่ายถามว่าจุดยืนของรัฐบาลจะเป็นอย่างไร ก็ต้องรอฟัง กลไกทั้งหมดต้องไปสรุปในสภาฯ ขณะเดียวกันก็ต้องรอฟังผลการวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญด้วย จากนั้นก็ต้องให้นักกฎหมาย และผู้ที่เกี่ยวข้องตีความให้ชัดเจนก่อน รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยถึงจะสามารถตัดสินใจและประกาศจุดยืนได้ ซึ่งต้องขอเวลาอีกนิดหนึ่ง
เมื่อถามว่าตอนนี้ถือว่าก้าวสู่ปีที่ 2 ของรัฐบาลแล้ว และกำลังจะมีการเปิดสภาฯ ซึ่งจะมีทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจ การชุมนุมของกลุ่มต่าง ๆ หนักใจหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “เราอย่าเพิ่งมองไปว่าอาการหนักขนาดนั้น ขอให้รอผลวินิจฉัยกลาง และรอฟังจุดยืนก่อน วันนี้ยังไม่ถึงกำหนดที่จะเปิดสภาฯ หากเราประมาณการณ์ไปก่อนล่วงหน้า ซึ่งบางครั้งเหตุการณ์อาจจะไม่เกิดขึ้นก็จะทำให้ประชาชนกังวลใจ ขอให้ค่อย ๆ ดูลำดับเหตุการณ์ แล้วค่อย ๆ พูดจากันดีกว่า”

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น